
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)
(สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) แถลงผลการสำรวจมูลค่า
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย ปี 2558 พบว่า
ในปี 2557 มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีคอมเมิร์ซ
(E-Commerce) ไทย มีมูลค่ากว่า 2.03 ล้านล้านบาท
แบ่งออกเป็น มูลค่าขายที่ธุรกิจขายให้กับธุรกิจ (B2B)
1.23 ล้านล้านบาท, มูลค่าขายที่ธุรกิจขายให้กับผู้บริโภค
(B2C) 0.41 ล้านล้านบาท และมูลค่าขายที่ธุรกิจขายให้กับ
ภาครัฐ (B2G) 0.39 ล้านล้านบาท พร้อมคาดการณ์ปี 2558
เติบโตต่อเนื่อง 3.65% มูลค่าสูงถึง 2.1 ล้านล้านบาท
ETDA ดำเนินการสำรวจครั้งนี้ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติ
มูลค่าอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยให้มีความครอบคลุมและ
เป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมถึงให้หน่วยงานภาครัฐและ
องค์กรธุรกิจสามารถนำผลการสำรวจไปใช้ประกอบการวาง
นโยบายและแผนเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้สามารถปรับตัวสอดคล้อง
กับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนเสริมสร้าง
ศักยภาพทางธุรกิจของผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้
อย่างยั่งยืน และเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนนโยบายดิจิทัล
เพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือ Digital Economy ของรัฐบาล
ส่วนแนวโน้มมูลค่าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ปี 2558 พบว่า
เติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่ามีมูลค่าทั้งสิ้น
2,107,692.88 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าขายจากผู้ประกอบการ
B2B จำนวน 1,230,160.23 ล้านบาท (58.32 %)
มูลค่าขายจากผู้ประกอบการ B2C จำนวน 474,648.91
ล้านบาท (22.57 %) และมูลค่าขายจากผู้ประกอบการ
B2G จำนวน 402,883.74 ล้านบาท (19.11 %)
ทั้งนี้ จากการศึกษาและการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้น พบว่า
มูลค่าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย (รวมมูลค่าการจัดซื้อ
จัดจ้างออนไลน์ของหน่วยงานภาครัฐ) มีแนวโน้มการเติบโต
ในทิศทางที่ดีขึ้น โดยในปี 2558 มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น
จากปี 2557 คิดเป็น 3.65 %
โดยมูลค่าขายจากผู้ประกอบการ B2C ในปี 2558 เติบโต
เพิ่มขึ้นจาก ปี 2557 คิดเป็น 15.29 % และมูลค่าขายจาก
ผู้ประกอบการ B2G ในปี 2558 เติบโตเพิ่มขึ้นจาก ปี 2557
คิดเป็น 3.96% แต่มีเพียงมูลค่าขายจากผู้ประกอบการ B2B
ในปี 2558 ที่หดตัวลงจาก ปี2557 เพียงเล็กน้อย คิดเป็น
0.34 % ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซยังคงเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง
โดยมีผู้สนใจลงทุน ค้าขาย รวมถึงใช้บริการในปริมาณเพิ่มขึ้น
ต่อเนื่อง
ในส่วนของการศึกษาเพื่อวิเคราะห์มูลค่าอีคอมเมิร์ซใน
ประเทศไทยครั้งนี้ มีขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูลแบ่งออกเป็น
2 ส่วนหลัก คือ 1) การสำรวจด้วยแบบสอบถามออนไลน์
(Online Survey) จากกลุ่มผู้ประกอบการที่มีมูลค่าการขาย
ออนไลน์น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50 ล้านบาทต่อปี และ 2) การ
สัมภาษณ์เชิงลึก (Face to Face Interview) กับกลุ่ม
ผู้ประกอบการมีมูลค่าการขายออนไลน์มากกว่า 50 ล้านบาทต่อปี
โดยได้นำข้อมูลมาวิเคราะห์ด้วยสถิติเชิงอนุมาน จัดแบ่งหรือ
แสดงผลออกมาเป็น 8 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ 1. การผลิต
2. การค้าปลีกและการค้าส่ง 3. การขนส่ง 4. การให้บริการ
ที่พัก 5. ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร 6. การประกันภัย
7.ศิลปะ ความบันเทิง และนันทนาการ 8. กิจการบริการ
ด้านอื่น ๆ
สนับสนุนโดย
นิตยสารแมกเก็ตติ้ง (Magketing)

สามารถดาวน์โหลดนิตยสารฉบับเต็ม...ฟรี...ได้ที่
http://www.ebooks.in.th/ebook/37623/magketing_vol12/
(วิธีดาวน์โหลดไฟล์ให้ Click ปุ่ม >> คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดไฟล์)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น