ญี่ปุ่นสะดุดฉุดเศรษฐกิจอาเซียน


ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics คาดการ
ชะลอตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะส่งผลลบต่อการส่งออกของ
อาเซียน ขณะที่ความเสี่ยงหลักของไทยอยู่ที่อุตสาหกรรม
ชิ้นส่วนรถยนต์ โดยมองว่าการพัฒนาคุณภาพสินค้าและ
การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเป็นคำตอบที่จะทำให้
การส่งออกของไทยผ่านพ้นอุปสรรคนี้ไปได้

เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับปัญหาหลายด้านในช่วงนี้ไม่ว่า
จะเป็นการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัว
ปัญหาเงินฝืด และหนี้สาธารณะที่อยู่ในระดับสูงกว่าสองเท่า
ของขนาดเศรษฐกิจ

แม้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 1 ปี 2559
จะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 1.7 ช่วยบรรเทาความกังวลในช่วง
ก่อนหน้าที่หลายฝ่ายคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะกลับเข้าสู่
ภาวะถดถอย (Technical Recession) แต่อัตราการเติบโต
ของการค้าระหว่างประเทศถือว่ายังไม่เป็นที่น่าพอใจ

โดยทั้งการนำเข้าและการส่งออกของญี่ปุ่นปรับลดลงต่อเนื่อง
ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2559 และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาการ
นำเข้าหดตัวถึง 14.9% ขณะที่การส่งออกหดตัวถึง 6.8%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF มองว่าเศรษฐกิจ
ญี่ปุ่นในปีนี้จะเติบโตได้เพียงร้อยละ 0.5 และจะหดตัว
ร้อยละ 0.1 ในปี 2560 ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ไม่ค่อยดีนัก ถ้าเรา
มองในมุมของผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ญี่ปุ่นที่มีต่อเศรษฐกิจประเทศหลักของอาเซียน เช่น
อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย จะเห็น
ได้ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าอันดับต้นๆ ของทุกประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการส่งออก ซึ่งก็หมายความ
ว่าถ้าเศรษฐกิจญี่ปุ่นชะลอตัวลงต่อก็มีความเป็นไปได้สูง
ที่เศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนจะต้องได้รับผลกระทบใน
เชิงลบอย่างแน่นอน

โดยหากเปรียบเทียบจากสัดส่วนการส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น
ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่าประเทศที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
ในกลุ่มอาเซียนคือมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งมีสัดส่วนมูลค่า
การส่งออกไปญี่ปุ่นถึงร้อยละ 6.22 และร้อยละ 5.51 เมื่อ
เทียบกับขนาดเศรษฐกิจตามลำดับ โดยสินค้าที่มาเลเซีย
ส่งออกไปญี่ปุ่นเกินกว่าครึ่งหนึ่งคือแก๊สปิโตรเลียมเหลวที่
ยังมีความเสี่ยงด้านราคา ในขณะที่ชิ้นส่วนวงจรไฟฟ้าและ
ยาซึ่งเป็นสินค้าหลักที่สิงคโปร์ส่งออกไปญี่ปุ่นก็น่าจะได้
รับผลกระทบจากการบริโภคที่หดตัวเช่นกัน

ในทางตรงข้ามศูนย์วิเคราะห์ฯ เชื่อว่าปัญหาการชะลอตัว
ของเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของ
ประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียที่มีสัดส่วนการส่งออกไป
ญี่ปุ่นอยู่เพียงแค่ร้อยละ 2 ของขนาดเศรษฐกิจเท่านั้น

สำหรับสัดส่วนการส่งออกไปญี่ปุ่นของไทยอยู่ที่ร้อยละ 4.91
ของขนาดเศรษฐกิจซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงต่อการชะลอตัว
ของเศรษฐกิจญี่ปุ่นต่ำกว่ามาเลเซียและสิงคโปร์ค่อนข้างมาก
 อย่างไรก็ตาม ประเภทสินค้าที่ไทยส่งออกไปญี่ปุ่นไม่ว่าจะ
เป็น อาหาร สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หรือชิ้นส่วนรถยนต์ อาจ
ได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน

จากการประเมินเบื้องต้น ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่าอุตสาหกรรม
ที่น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือการส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์
ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 35,000 ล้านบาท เนื่องจากการผลิตรถยนต์
ยังมีแนวโน้มที่ไม่สดใสจากทั้งการบริโภคสินค้าคงทนใน
ญี่ปุ่นที่อยู่ในขาลงและความต้องการนำเข้ารถยนต์จากญี่ปุ่น
ในตลาดโลกที่ยังมีแนวโน้มชะลอตัว ขณะที่การส่งออกอาหาร
เช่น ไก่แปรรูป อาหารทะเลกระป๋อง อาจจะได้รับผลกระทบที่
น้อยกว่าเนื่องจากเป็นสินค้าที่จำเป็นในการอุปโภคบริโภค

เศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ชะลอตัวจะส่งผลกระทบต่อการค้าของกลุ่ม
อาเซียนไม่ช้าก็เร็ว แม้เศรษฐกิจไทยอาจมีความเสี่ยงที่น้อย
กว่าเพื่อนบ้านบางประเทศ แต่ผู้ประกอบการก็ไม่ควรตั้ง
อยู่ในความประมาท โดยศูนย์วิเคราะห์ฯ เชื่อว่าการพัฒนา
คุณภาพสินค้าเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและ
การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดค่าใช้จ่ายจะเป็น
คำตอบสุดท้ายของผู้ประกอบการไทยในช่วงที่เศรษฐกิจ
ญี่ปุ่นถึงคราวสะดุด

              สนับสนุนโดย            
นิตยสารแมกเก็ตติ้ง (Magketing)



อ่านนิตยสารฉบับเต็ม...ฟรี...และบทวิเคราะห์อื่นๆได้ที่

https://www.facebook.com/magketingonline/

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม