เปิดอาณาจักร Retail food ของเบทาโกร

จะเห็นได้ว่ายุทธศาสตร์ของผู้ผลิต (Supplier) ซึ่งถือเป็น
กระบวนการต้นน้ำของอุตสาหกรรมหลายกลุ่มได้มีการ
เคลื่อนตัวสู่ภาคธุรกิจระดับปลายน้ำมากขึ้น ซึ่งเป็นรอยต่อ
สุดท้ายระหว่างสินค้ากับผู้บริโภค โดยเป้าหมายสำคัญของ
วิถีดังกล่าวคือการสร้างความยั่งยืนให้กับภาคต้นน้ำ ลดการ
พึ่งพาคนกลางและเพื่อให้สามารถรับรู้ความต้องการของ
ผู้บริโภคได้โดยตรงซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนา
ในส่วนของต้นน้ำ
เครือเบทาโกร เป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของประเทศก็เลือกที่
จะขับเคลื่อนองค์กรไปในทิศทางดังกล่าว ผ่านการกำหนด
ยุทธศาสตร์ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2553-2563 โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่
การครองส่วนแบ่งตลาด 14-15% ในตลาดค้าปลีกอาหาร
ซึ่งตามแผนจะไม่เกินไปกว่านี้ เพราะเป็นอัตราที่สามารถ
บริหารจัดการดี และเป็นการลงทุนที่ไม่เกินตัว ซึ่งขณะนี้
ถือได้ว่าแผนดังกล่าวเดินมาถึงครึ่งทางเป็นที่เรียบร้อย
เกมรุกตลาด B2C
การเจาะตลาดผู้บริโภคโดยตรง (B2C) เป็นแผนหลักที่
เบโทโกรต้องการเข้ามาสร้างความแข็งแกร่ง เนื่องจาก
อัตราการบริโภคของประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังจะ
เห็นจากอดีตคนไทยบริโภคไก่เพียง 11 กก.ต่อคนต่อปี ,
หมู 12-14 กก. และปัจจุบันเพิ่มเป็น 16-17 กก.ต่อคนต่อปี
ขณะที่การบริโภคหมูเฉลี่ยประเทศอื่นๆ อยู่ที่ 22 กก.ต่อคน
ต่อปี หมายความว่ายังมีโอกาสให้เบทาโกรรุกเข้ามาได้อีกมาก
เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายเบทาโกรกำหนดแผนการ
สื่อสารกับผู้บริโภค ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้าน ประกอบด้วยพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ และพัฒนาช่องทางจัดจำหน่าย
ด้วยการผลักด้นแบรนด์เข้าสู่ช่องทางขายแบบปลีก (retail)
ในโมเดิร์นเทรด อย่างซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ
ให้มากขึ้น
ทั้งหมดเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงเบทาโกรได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน
ผู้บริโภคก็ต้องเข้าถึงเบทาโกรได้มากขึ้นเช่นกัน จากสัดส่วนเดิม
การจำหน่ายสินค้าแบบ B2C อยู่ที่สัดส่วนประมาณ 10% แต่
จากนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 20-30%
สำหรับผลิตภัณฑ์จากเครือเบทาโกรเลือกวางตำแหน่ง
(Positioning) ไว้ที่การเป็นแบรนด์สินค้าคุณภาพ น่าเชื่อถือสูง
เข้าถึงได้ง่าย จริงใจ และให้ความรู้กับผู้บริโภค
สนับสนุนโดย
นิตยสารแมกเก็ตติ้ง (Magketing)

สามารถดาวน์โหลดนิตยสารฉบับเต็ม...ฟรี...ได้ที่
http://www.ebooks.in.th/ebook/37623/magketing_vol12/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น